เด็กบางคนอยากเป็นหมอ เด็กบางคนอยากเป็นพยาบาล แต่เด็กอีกกลุ่มหนึ่งก็มีความฝันอยากเป็นทหาร ผู้ปกครองที่อยากสานฝันให้ลูกได้เรียนต่อตามที่เด็ก ๆ ต้องการเลยหาข้อมูลจนเจอว่า ต้องส่งให้ลูกได้เรียนต่อ จปร. หรือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพราะมักจะสร้างโอกาสที่ดีในการเป็นทหารได้มากกว่าเส้นทางอื่น แต่ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่กำลังสงสัยคือ ควรเตรียมพร้อมอย่างไร ต้องมีทุนหรือกู้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการศึกษาหรือไม่ มาดูกัน
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) คืออะไร
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) คือ โรงเรียนในระดับอุดมศึกษาสังกัดกรมยุทธศึกษาทหารบก กองทัพบก หากเรียนจบจะได้รับพระราชทานยศและกระบี่ บรรจุเป็นนายทหารสัญญาบัตร ของกองทัพบกแล้ว สามารถเข้ารับการฝึกและเป็นทหารได้ทันที ส่วนการคัดนักเรียนเข้าเรียนจปร. ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะคัดนักเรียนหัวกะทิทั่วประเทศแล้ว ยังเน้นเรื่องการฝึกฝนร่างกายแบบเข้มข้น เพื่อนพี่น้องร่วมสถาบันที่ได้เจอขณะเรียนจะเป็นครอบครัวและคอนเนคชั่นชั้นดีที่ต่อให้มีเงินบางทีก็ซื้อสิ่งเหล่านี้จากที่อื่นไม่ได้
นอกจากโอกาสในการประกอบอาชีพและคอนเนคชั่นแล้ว นักเรียนนายร้อยจปร. จะมีโอกาสได้ไปดูงานที่ต่างประเทศ รวมถึงได้รับเงินเดือนตั้งแต่เป็นนักเรียนเตรียมทหาร เดือนละ 2,140 บาท เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 4 จะได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น 2,750 บาท หากเลื่อนขึ้นเป็นนักเรียนบังคับบัญชาจะได้เพิ่มอีกเดือนละประมาณ 3,000 บาท หากไม่อยากกู้สินเชื่อจะต้องเรียนดีตลอด 4 ปี ราชการจึงจะให้ทุนการศึกษาออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
การเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนจปร.
สำหรับผู้ปกครองท่านใดที่อยากสนับสนุนให้ลูกได้เข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อย จปร. สามารถสนับสนุน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าเรียนได้ โดยมีวิธีการเตรียมความพร้อม ดังนี้
1) ตรวจเช็คคุณสมบัติของลูก
คุณสมบัติในการเข้าเรียนจปร. ส่วนใหญ่มักจะเป็นคุณสมบัติทั่วไปเลย เช่น บุคคลพลเรือนเพศชาย อายุ 16-18 ปี สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือเทียบเท่า, มีสัญชาติไทยและคุณพ่อคุณแม่ก็สัญชาติไทย, อวัยวะสมบูรณ์และท่าทางเหมาะกับการเป็นทหาร, ขนาดรอบอก ส่วนสูง และน้ำหนักตามเกณฑ์มาตรฐาน เป็นต้น
2) สนับสนุนความสามารถทางวิชาการ
หลังจากคุณสมบัติผ่านตามเกณฑ์ที่ทางโรงเรียนจปร. กำหนดแล้ว ด่านต่อมาที่เด็ก ๆ จะเจอก็คือ สอบวัดความรู้ 5 กลุ่มวิชาหลัก แต่ที่เน้นหนักคือ วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ เพราะ 2 วิชานี้มีคะแนนเต็มสูงถึง 220 คะแนน ส่วนวิชาภาษาอังกฤษคะแนนเต็ม 150 คะแนน (จำเป็นจะต้องได้คะแนนเกิน 30% ไม่งั้นจะถูกตัดออกทันที) และวิชาภาษาไทยรวมกับสังคมศึกษาคะแนนเต็ม 150 คะแนน จะเห็นว่า บางทีก็จะมีการกู้สินเชื่อ เพื่อให้เด็กได้ไปเรียนพิเศษกับติวเตอร์หรือเข้าค่ายเตรียมสอบเข้าโรงเรียนจปร.หลักพันถึงหลักแสนเลยทีเดียว
3) พัฒนาบุคลิกภาพและฝึกฝนร่างกาย
นอกจากความรู้ด้านวิชาการแล้ว อย่าลืมพัฒนาบุคลิกภาพและฝึกฝนร่างกายให้พร้อมเข้ารับการทดสอบ เพราะจะมีการทดสอบวิภาววิสัย (ทดสอบทางจิตวิทยา วัดคุณธรรมและจริยธรรม), สอบสัมภาษณ์ และทดสอบสมรรถภาพร่างกาย รวมถึงจำเป็นต่อการฝึกฝนในระหว่างเข้าเรียนตลอดจนเข้าทำงาน
กู้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนการศึกษา จำเป็นมั้ย?
ปกติแล้วการเรียนในโรงเรียนจปร. จะฟรีค่าเทอม ฟรีค่าที่พัก อาหาร และค่ารักษาพยาบาล เพียงแค่ต้องเตรียมค่าใช้จ่ายหนักเฉพาะช่วงเตรียมตัวสอบเข้าและช่วงแรกเข้าชั้นปี 1 จะมีค่าใช้จ่ายหลักหมื่นเป็นค่าประกันของเสียหาย ค่าอุปโภคบริโภค และอื่นๆ เล็กน้อย สำหรับผู้ปกครองท่านไหนที่ต้องการกู้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนให้เด็ก ๆ สอบเข้าไปเรียนในโรงเรียนจปร. แล้วมุ่งมั่นจนสอบติดตามใจหวัง แม้จะไม่ใช่สิ่งจำเป็น เพราะสามารถเตรียมตัวเองได้ แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาคลำทางนานก็นับว่า เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
เพราะความฝันและโอกาสของลูกมีค่าเกินกว่าจะประเมินราคาได้ ดังนั้น อย่าปิดกั้นด้วยอุปสรรคจากคำว่า ‘เงิน’ หากเด็ก ๆ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะเดินตามฝันจริงจัง ขอแนะนำให้ปรึกษาเรื่องกู้สินเชื่อส่วนบุคคลกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจาก RABBIT CARE เพื่อสานฝันและสร้างโอกาสให้ลูกที่คุณรั